1. มีสไตล์และคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน
-
กำหนดตัวตนของแบรนด์: อะไรคือ สิ่งที่แบรนด์ของคุณยืนหยัด ความเชื่อของแบรนด์ และสิ่งที่คุณอยากมอบให้กับลูกค้า
-
กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: อยากให้ลูกค้าของแบรนด์เป็นลักษณะแบบไหน พวกเขามีความต้องการและความสนใจในด้านใด
-
สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์: อะไรคือ สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่าง และลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้ ยกตัวอย่าง เช่น การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ Starbucks ที่มีการตกแต่งร้านแบบสไตล์อบอุ่น ผ่อนคลาย เน้นบรรยากาศที่เหมือนบ้าน
2. รู้จักและรู้ใจลูกค้า
- ศึกษาข้อมูลลูกค้า: พยามยามรวบรวมข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์ เช่น เพศ อายุ อาชีพ รายได้ การศึกษา รวมไปถึงพฤติกรรมในการซื้อสินค้า การใช้งานเว็บไซต์ และการใช้โซเชียลมีเดีย และถ้าเป็นไปได้ควรลงลึกไปถึงความสนใจต่างๆ ของลูกค้า เช่น งานอดิเรก ความชอบ แรงบันดาลใจ
-
วิเคราะห์ข้อมูล: นำข้อมูลที่เราเก็บสะสมมาได้ นำมาวิเคราะห์เพื่อมองหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า รวมไปถึง Pain Point ต่างๆ ที่เราสามารถมาหาวิธีแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้
3. ปรับตัวอยู่เสมอ
- ติดตามเทรนด์: ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เกี่ยวกับเทคโนโลยี แฟชั่น วัฒนธรรม หรือเทรนด์โลก ล้วนเป็นส่งที่เราไม่ควรพลาดที่จะติดตามข่าวสารเหล่านี้เสมอ เพราะเทรนด์ในปัจจุบันนั้นมาไวและไปไว จึงต้องอัพเดทอยู่เสมอ
- วิเคราะห์เทรนด์: เทรนด์มีอยู่มากมาย แต่เราไม่สามารถเข้าร่วมทุกเทรนด์ได้ แต่ต้องคัดเลือกและหาเทรนด์ที่มีศักยภาพเพื่อเข้าร่วมและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับแบรนด์ของเราได้
- ทดลอง: อย่าลืมความกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ถึงแม้จะผิดพลาดแต่เราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้เสมอ นำมันมาเป็นสิ่งกระตุ้นให้แบรนด์ของคุณมีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
4. ใส่ใจทุกขั้นตอน
- เข้าใจความต้องการของลูกค้า: ศึกษาข้อมูลลูกค้า และนำมาวิเคราะห์หาความต้องการที่แท้จริง ยิ่งสามารถแก้ปัญหา Pain Point ของลูกค้าได้จะถือได้ว่าแบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จมาก
- ออกแบบประสบการณ์ที่ดี: ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าหรือการบริการ เราสามารถออกแบบเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์ของคุณได้ โดยเฉพาะการบริการที่ดีสามารถสื่อสารให้ลูกค้ารู้ถึงความใส่ใจของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
- ใส่ใจรายละเอียด: ทุกขั้นตอน ทุกจุดสัมผัส ทุกประสบการณ์สามารถนำมาใส่รายละเอียดเข้าไป เพื่อสร้างความแตกต่างได้