ทำความเข้าใจกับ “มาตรการส่งดี (Dee-Delivery)” กฎหมายใหม่จาก สคบ. ที่ผู้ประกอบการทุกคนควรรู้ไว้

วันนี้เราจะมาอัปเดตเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคกันครับ หลายคนคงคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์กันเป็นอย่างดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีปัญหาเรื่องสินค้าไม่ตรงปก การหลอกลวง หรือการได้รับสินค้าที่ไม่ได้สั่งซื้อเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้บริโภคหลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในการซื้อสินค้าออนไลน์

แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลใจไปแล้วครับ เพราะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออก “มาตรการส่งดี (Dee-Delivery)” ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่เข้ามาแก้ไขปัญหานี้โดยตรง และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ส่งผลทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์ของฝั่งผู้ซื้อปลอดภัย และมั่นใจได้มากขึ้นกว่าเดิม

มาตรการส่งดี (Dee-Delivery) คืออะไร?​

มาตรการส่งดี เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าที่เรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ต้องมีการดำเนินการที่โปร่งใส และเป็นธรรมมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น

  • เปิดกล่องตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงิน: ผู้บริโภคสามารถเปิดกล่องตรวจสอบสินค้าได้ก่อนที่จะชำระเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าตรงตามที่สั่งซื้อ และไม่มีความเสียหาย
  • ปฏิเสธการรับสินค้าได้: หากสินค้าไม่ตรงปก ชำรุด หรือไม่ได้สั่งซื้อ ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการรับสินค้า และไม่ต้องชำระเงิน
  • ขอคืนเงินได้: หากผู้บริโภคพบปัญหาหลังจากได้รับสินค้าแล้ว สามารถขอคืนเงินได้ภายใน 5 วัน
  • ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งต้องรับผิดชอบ: ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสินค้า ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และครบถ้วนเกี่ยวกับผู้ส่งสินค้าแก่ผู้บริโภค

ในฝั่งผู้บริโภคมาตรการนี้จะช่วยอะไรบ้าง?​

  • ลดความเสี่ยงในการถูกโกง: ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับตรงตามที่สั่งซื้อ และจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาสินค้าชำรุด หรือไม่ได้รับสินค้า แต่ที่สำคัญและห้ามลืม คือ ควรมีบันทึกภาพ หรือถ่ายวิดีโอขณะตรวจเช็กสินค้า
  • เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้า: ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบสินค้าได้ทันทีที่ได้รับ และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าจะรับ หรือปฏิเสธสินค้า
  • สร้างความเชื่อมั่นในการช้อปปิ้งออนไลน์: มาตรการนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างยั่งยืน

ในฝั่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?​

  • ตรวจสอบสินค้าก่อนส่ง: สินค้าต้องตรงปกทุกอย่างตามที่โฆษณา และห้ามลืมที่จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดี
  • ให้ข้อมูลสินค้าครบถ้วน: รูปภาพชัดเจน รายละเอียดครบถ้วน 
  • เลือกผู้ให้บริการขนส่งที่ดี: เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามรายการพัสดุได้ง่าย
  • เตรียมพร้อมรับมือการคืนสินค้า: มีขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการซื้อมากขึ้น รวมถึงลดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นภายในองค์กร
  • ติดตามและปรับปรุง: เก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ และพัฒนาต่อไป

สิ่งที่ต้องระบุในใบปะหน้าพัสดุ​

  • ชื่อและที่อยู่ผู้ส่ง: ชื่อร้านค้าหรือบริษัท ที่อยู่ที่ชัดเจน รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
  • ชื่อและที่อยู่ผู้รับ: ชื่อ-นามสกุลผู้รับ ที่อยู่ในการจัดส่งที่ถูกต้อง และเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับ
  • รายละเอียดสินค้า: ชื่อสินค้า จำนวน ราคา และหมายเลขสั่งซื้อ
  • ค่าขนส่งและค่าเก็บเงินปลายทาง: ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน
  • หมายเลขติดตามพัสดุ: หมายเลขที่ใช้ในการติดตามพัสดุ ซึ่งจะได้รับจากบริษัทขนส่ง
  • ข้อความเพิ่มเติม: หากมีข้อความสำคัญ เช่น สินค้าแตกง่าย กรุณาปฏิบัติเบาๆ ควรระบุไว้ชัดเจน

ลักษณะสินค้าที่ขอเงินคืนได้​

  • สินค้าไม่ตรงตามที่สั่ง: เช่น สั่งสินค้าสีแดง แต่ได้รับสินค้าสีน้ำเงิน, สั่งขนาด L แต่ได้รับขนาด M
  • สินค้าชำรุดเสียหาย: สินค้าแตกหัก ร้าว ขาด หรือมีตำหนิที่ส่งผลต่อการใช้งาน
  • สินค้าไม่ครบชุด: ได้รับสินค้าไม่ครบตามที่สั่งซื้อ
  • สินค้าผิดรุ่น ผิดประเภท: เช่น สั่งโทรศัพท์รุ่นใหม่ แต่ได้รับรุ่นเก่า หรือรุ่นอื่นๆ ที่ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ

กรณีรับไว้แต่เปิดภายหลังแล้วพบเหตุตามกำหนด สามารถแจ้งขอรับเงินคืนจากขนส่งภายใน 5 วัน และทางขนส่งจะต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคภายใน 15 วันหลังได้รับเรื่อง

มาตรการส่งดี ถือเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมให้การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นไปอย่างโปร่งใส และยุติธรรมมากขึ้น หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง เว็บไซต์ของ สคบ. นะครับ

และถ้าหากคุณกำลังมองหาบริการส่งพัสดุที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย WeShip คือ คำตอบของคุณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line @Weship.th ได้เลยครับ

SHARE